7 ปีผ่านไปหลังจากที่โลกทั้งใบกลายเป็นดินแดนเยือกแข็งอันรกร้าง และผู้คนที่เหลือรอดชีวิตต่างต้องอาศัยอยู่ในรถไฟ “สโนว์เพียร์ซเซอร์” ขบวนยักษ์ 1,001 ตู้ที่แล่นไปรอบๆ โลกอย่างไม่มีวันจบสิ้นโดยใช้พลังงาน “เครื่องจักรนิรันดร์” ขับเคลื่อนไปท่ามกลางสภาพอากาศที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง จนไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถอาศัยอยู่ข้างนอกได้ อย่างไรก็ตามภายในขบวนรถไฟก็เกิดเป็นสังคมใหม่ ที่มีการแบ่งแยกชนชั้นและริดรอนสิทธิของมนุษย์ และนั่นเองก็ทำให้การปฏิวัติจากชนชั้นล่างกำลังจะอุบัติขึ้น รีวิวซีรี่ย์
แต่ตัวซีรีส์ที่ทำออกมาใหม่เรื่องจะเริ่มต้นจากตอนแรกที่เริ่มขึ้นขบวนรถไฟ มีการขยายความเพิ่มนิดหน่อยว่าผู้โดยสารมาจากไหน และเป็นกลุ่มคนที่เป็นตัวการทำให้เกิดหายนะของโลกรวมอยู่ด้วย ตรงจุดนี้จะต่างจากในภาพยนตร์ที่มีบอกชัดว่าเกิดจากการใช้สารทำความเย็นเพื่อลดโลกร้อน แต่เข้าใจว่าอาจจะไม่อยากเอ่ยถึงเพราะปัญหาโลกร้อนเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่สร้างหนังเมื่อปี 2013 จากนั้นเรื่องก็กระโดดข้าม 7 ปีต่อมา แล้วก็พยายามจะเดินตามรอยเดิมส่วนหนึ่งเรื่องการปฏิวัติ ที่ถอดแบบภาพยนตร์มาเลย และอีกส่วนก็คือเส้นเรื่องใหม่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในขบวนรถไฟของชนชั้นสูงด้านหน้า และก็ดึงตัวเอกจากท้ายขบวนมาเป็นนักสืบในคดีนี้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นความพยายามฉีกเรื่องราวออกไปได้ดี
สำหรับคนที่ไม่เคยดูภาพยนตร์มาก่อน น่าจะมีความสนุกอยู่ที่ได้เห็นการจำลองโลกดิสโทเปียนรกน้ำแข็งที่แปลกใหม่ ผสมกับส่วนสืบสวนหาฆาตกรในโลกไซไฟที่จำกัด ตัวเรื่องก็เผยเนื้อหาแต่ละตู้โดยสารไวหลายตู้ให้เห็นเยอะมากจนแทบจะหมดแล้ว ต่างจากในภาพยนตร์ที่กว่าจะผ่านไปแต่ละตู้ค่อนข้างลำบาก และมีการขยายความเพิ่มว่าแต่ละตู้เป็นยังไงให้พอเข้าใจได้มากกว่าพอสมควร รวมถึงได้เห็นชีวิตคนที่ทำหน้าที่ในแต่ละตู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น จากที่ตัวภาพยนตร์เป็นเพียงแค่เดินผ่านเป็นส่วนใหญ่
ในส่วนปฏิวัติชนชั้นครึ่งแรกจะยังไม่ได้เผยอะไรมาก แต่เรื่องก็เผยให้เห็นรูปแบบเดียวกับภาพยนตร์ออกมาสั้นๆ ให้คนดูพอเข้าใจว่าต้องทำยังไงถึงบุกไปหัวขบวนได้ ในส่วนฆาตกรรมมีเรื่องราวเยอะกว่า และตัวซีรีส์จะสนใจเดินเส้นเรื่องนี้ตั้งแต่แรก อาจจะเพราะเข้าใจว่าคนดูรู้อยู่แล้วว่ามีเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่เล่าไปไกลกว่าตอนจบในซีรีส์แล้ว เรื่องปฏิวัติชนชั้นที่ดูตอนนี้จึงไม่ได้จบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งแน่ๆ ตัวพาร์ทฆาตกรรมมีเนื้อหาเชิงสืบสวนกึ่งไซไฟนิดๆ โยงถึงเรื่องปัญหาโลกดิสโทเปียในที่จำกัดในรถไฟ และก็โยงไปถึงเรื่องราวเกี่ยวพันกับความลับของบุคคลสำคัญในขบวนนี้
ตัวซีรีส์เปลี่ยนธีมการเล่าตั้งแต่แรกเริ่ม ตัวเรื่องก็ไม่อืด ออกแนวเรื่อยๆ มีปมนิดหน่อยพอให้น่าติดตาม มีแฟลชแบ็คกลับไปยังชีวิตตัวละครก่อนขึ้นรถไฟบ้าง เพราะเรื่องพึ่งเกิดหายนะได้ไม่ถึงสิบปีต่างจากในภาพยนตร์ที่ไปไกลกว่านั้น จนมีคนรุ่นที่เกิดบนรถไฟเป็นตัวละครหลักของเรื่องแล้ว (ในซีรีส์ยังไม่มีตัวละครแบบนี้ให้เห็นชัดเจน)