Duty After School Part 2 นับตั้งแต่วันที่โลกถูกสัตว์ประหลาดบ้าคลั่งไล่เขมือบคนมาเป็นเวลาร่วมปี กลุ่มทหารเยาวรุ่นหน่วย 2 ที่สูญเสียผู้ดูแลไปจึงต้องพยายามช่วยกันหาทางเอาชีวิตรอดไปจนกว่าความช่วยเหลือจากรัฐบาลจะมาถึง แต่เมื่อยิ่งรอก็ยิ่งท้อเพราะนับวันพวกเขายิ่งต้องเจอสถานการณ์อันตรายเข้าใกล้ความตายมากขึ้นไปทุกที แถมยังต้องมารับรู้อีกว่าการสอบซูนึงหรือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งใหญที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขามาตลอดกลับถูกยกเลิกไปแต่จะทำการสอบใหม่อีกครั้งในปีถัดไปแทน ทำให้กลุ่มเด็กม.6 ที่เหลืออยู่ไม่กี่คนในประเทศนี้ต้องหาทางเอาชีวิตรอดไปให้ถึงวันนั้นให้ได้แม้จะต้องเจอกับอุปสรรคอีกมากมายก็ตาม รีวิวซีรี่ย์
เปิดเรื่องราวในพาร์ทที่ 2 ด้วยฉากแอ็กชั่นที่โชว์ให้เห็นว่าหน่วยลูกเจี๊ยบในวันนั้นกลายมาเป็นกองพันลูกเทพที่ฝีมือเก่งกาจมากขึ้นแค่ไหนในปัจจุบัน เราคนดูจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครอย่างชัดเจนราวกับว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกหน่วยที่ผ่านทุกเหตุการณ์ดีและร้ายด้วยกันมาหมาด ๆ การที่ได้เห็นเหล่าตัวละครเติบโตขึ้น คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แถมยังปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ราวกับว่าสามารถยอมรับสภาพความเป็นจริงที่โลกใบนี้อาจไม่ได้มีโอกาสกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ผ่านการทำงานเป็นทีมเวิร์คที่ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น มีเป้าหมายในชีวิตชัดเจนมากขึ้น บางตัวละครก็แสดงออกว่าเป็นนักวางแผนที่ดี บางตัวละครก็เป็นหน่วยจู่โจมที่เก่งกล้า และอีกหลายตัวละครก็เรียนรู้จะกำจัดจุดอ่อนของตัวเอง เพื่อลดการทำตัวเป็นภาระของส่วนรวมให้มากที่สุด
จุดนี้ต้องขอชื่นชมอีกครั้งว่าทีมงานเก่งมากที่สามารถรักษาจุดเด่นในเรื่องการกระจายบทบาทของเด็กสิบกว่าคนได้อย่างเท่าเทียม ทุกคนมีคาแร็กเตอร์น่าจดจำ น่าเอาใจช่วย และไม่ทำให้เรารู้สึกว่าจะหลงลืมใครไปได้เลย มันจึงเป็นข้อดีที่ทำให้คนดูที่รู้สึกผูกพันกับตัวละครมาประมาณนึงในพาร์ทแรกอยู่แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกผูกผันกับทุกตัวละครในพาร์ทนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าใช้เวลาใน Ep.1 อย่างเต็มที่ไปกับเรื่องราวความสัมพันธ์ของเหล่าเด็กน้อยที่ถูกเร่งโตด้วยภาระเกินวัย ราวกับว่าคนเขียนบทตั้งใจให้เราดื่มด่ำกับความสุขตรงนี้เอาไว้ ก่อนที่ความรู้สึกผูกพันนี้จะถูกดึงมาใช้เป็นไม้เด็ดตอกฝาโลงคนดูอีกครั้งในช่วงสุดท้าย
และเมื่อเริ่มดูไปไม่นาน จุดแรกที่คนพูดถึงกันเยอะในซีรีส์พาร์ทนี้ก็คือ โฟกัสของซีรีส์ที่เปลี่ยนไป เป็นจุดสำคัญที่ทำให้หลายคนรู้สึกตะหงิดใจแปลก ๆ และเริ่มรู้สึกไม่มั่นคงกับ Duty After School พาร์ท 2 นี้ว่าจะดำเนินเรื่องราวไปในทิศทางไหนกันแน่ เกิดเป็นความรู้สึกงง ๆ สับสน ๆ เพราะในพาร์ทที่แล้วซีรีส์ดันให้ความหวังไว้ซะเยอะ ซึ่งในขณะเดียวกันถ้าใครที่ไม่ได้คาดหวังว่านี่จะเป็นซีรีส์แอ็กชันไซไฟไล่ฆ่าเอเลี่ยนสุดเดือดตั้งแต่แรก ก็คงจะไปต่อกับเรื่องราวพาร์ทนี้ได้แบบชิลล์ ๆ แถมอาจจะรู้สึกได้ทันทีเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ยังมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจยิ่งกว่าเอเลี่ยนบุกโลกซ่อนเอาไว้เป็นไม้เด็ด จุดนี้นี่แหละที่ทำให้ยิ่งน่าติดตามเข้าไปใหญ่
เพราะแก่นแท้ของซีรีส์จับวัยรุ่นมาฆ่าเอเลี่ยนเรื่องนี้ มันคือการจิกกัดความล้มเหลวของระบบการศึกษาในเกาหลีใต้อันโหดร้ายที่ทำให้คนต้องลุกขึ้นมาแข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตาย ซีรีส์เลือกที่จะทำหน้าที่เสียดสีเหล่าผู้มีอำนาจในสังคมที่ทิ้งความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่แล้วโยนให้นักเรียนมัธยมที่ไม่รู้อิโหน่อิเน่อะไร โดยเอาคะแนนพิเศษและอนาคตของเด็กมาเป็นตัวประกันแทน ตลอดเรื่องราวในพาร์ท 2 จะเห็นว่าซีรีส์มันคอยแต่จะขยี้ประเด็นความบิดเบี้ยวของโลกใบนี้ ที่แม้ความเหลื่อมล้ำของชนชั้นในสังคมจะห่างชั้นจนเห็นได้ชัด แต่ก็ยังมีใครอีกหลายคนที่กลับมองไม่เห็นมัน
No comments:
Post a Comment